ในโลกของการเทรดฟอเร็กซ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งการเคลื่อนไหวของตลาดสามารถเกิดขึ้นได้ภายในไม่กี่วินาทีเท่านั้น กลยุทธ์การเทรดแบบ Scalping กลายเป็นแนวทางยอดนิยมสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการทำกำไรระยะสั้น เทคนิคเทรด Forex แบบ Scalping จะโฟกัสไปที่การใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย โดยมีเป้าหมายเพื่อการเทรดอย่างรวดเร็วหลายครั้งตลอดช่วงการเทรด ด้วยการใช้การเทรดที่รวดเร็วและใช้ประโยชน์จากเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เทรดเดอร์มีเป้าหมายที่จะคว้าเม็ดเงินที่ลอยอยู่ในอากาศ
ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำเทคนิคเทรด Forex แบบ Scalping รู้จักกลไก ประโยชน์ และข้อควรพิจารณาที่สำคัญ ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์ที่ช่ำชองที่ต้องการปรับแต่งวิธีการของคุณ หรือเป็นมือใหม่ที่เข้าสู่โลกที่น่าตื่นเต้นของฟอเร็กซ์ คุณจะได้รู้จักการเทรดแบบ Scalping อย่างดียิ่งขึ้น เตรียมพร้อมที่จะดำดิ่งสู่โลกแห่ง Scalping ที่ไม่หยุดนิ่ง และค้นพบว่ากลยุทธ์เหล่านี้สามารถปรับปรุงเส้นทางการเทรดฟอเร็กซ์ของคุณได้อย่างไร ไปดูกันเลย
เข้าใจเทคนิคเทรด Forex แบบ “Scalping”
“Scalping” เป็นเทคนิคเทรด Forex แบบระยะสั้นมาก ๆ ที่ใช้ในตลาด Forex โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย มันเกี่ยวข้องกับการเข้าและออกจากการซื้อและขายอย่างรวดเร็วเพื่อรับผลกำไรที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลาย ๆ ครั้งตลอดช่วงของการเทรด Scalpers หรือเทรดเดอร์สไตล์นี้มีเป้าหมายที่จะใช้ประโยชน์จากสภาพคล่องและความผันผวนของตลาดเพื่อสร้างผลกำไรได้อย่างรวดเร็ว
แนวคิดของการเทรดแบบ Scalping เกี่ยวข้องกับแนวคิดที่ว่าแม้ความผันผวนของราคาเพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างโอกาสในการเทรดได้ แทนที่จะแสวงหาผลกำไรจำนวนมากจากการเคลื่อนไหวของตลาดขนาดใหญ่ เทรดเดอร์มักโฟกัสไปที่การใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาในระยะสั้นภายในช่วงแคบ ๆ
Scalpers จะติดตามตลาดอย่างใกล้ชิดโดยใช้กรอบเวลาสั้น ๆ เช่น กราฟ 1 นาที 5 นาที หรือ 15 นาที พวกเขาจะใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและ Indicator เพื่อระบุจุดเข้าและออกที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะประสบความสำเร็จ Indicator ที่ใช้กันทั่วไปสำหรับ Scalping ได้แก่ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่, Oscillators, และแนวรับ/แนวต้าน
Scalpers เป็นเทรดเดอร์ที่มีความกระตือรือร้นสูง โดยทั่วไปแล้วการตัดสินใจซื้อขายของพวกเขาจะขึ้นอยู่กับสัญญาณทางเทคนิคมากกว่าการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เมื่อเข้าและออกจากตำแหน่งบ่อยครั้ง Scalpers ตั้งเป้าที่จะสะสมผลกำไรจำนวนเล็กน้อย ซึ่งเมื่อทบต้นไปเรื่อย ๆ จะนำไปสู่การได้รับผลกำไรจำนวนมากนั่นเอง
เทคนิคเทรด Forex แบบ Scalping ที่มีประสิทธิภาพ เทรดเดอร์จำเป็นต้องมีแผนการเทรดที่ชัดเจนและใช้กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่มีระเบียบวินัย จะต้องตั้งคำสั่งหยุดการขาดทุนอย่างแน่นหนาเพื่อจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่ตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับแผนการเทรด นอกจากนี้ Scalpers มักมีเป้าหมายกำไรที่กำหนดไว้ล่วงหน้าและใช้คำสั่งหยุดการขาดทุนต่อท้ายเพื่อล็อคกำไรเมื่อการเทรดเป็นไปตามที่ต้องการ
การเทรดแบบ Scalping นั้น เทรดเดอร์ต้องมีความเอาใจใส่ มีสมาธิ และสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากการเทรดถูกจัดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ เทรดเดอร์จึงจำเป็นต้องเตรียมตัวอย่างดี สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มการดำเนินการที่รวดเร็ว และมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียรเพื่อใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของตลาดอย่างรวดเร็ว
คุณควรรู้ไว้ว่าเทคนิคเทรด Forex แบบ Scalping อาจไม่เหมาะกับทุกคน เพราะต้องอาศัยประสบการณ์ ระเบียบวินัย และความสามารถในการรับมือกับความท้าทายทางจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการเทรดที่รวดเร็ว สิ่งสำคัญคือต้องเลือกคู่สกุลเงินที่มีสเปรดต่ำและมีสภาพคล่องสูงเพื่อให้แน่ใจว่าจะเทรดแบบ Scalping ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มื่อกี้เราได้เกริ่นถึงสิ่งสำคัญคือต้องเลือกคู่สกุลเงินที่มีสเปรดต่ำและมีสภาพคล่องสูงไปแล้ว คราวนี้เรามาทำความรู้จักปัจจัยนี้ให้มากยิ่งขึ้นกัน
การเลือกคู่สกุลเงินที่เหมาะสม
การเลือกคู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเทรด Forex แบบ Scalping สภาพคล่องนั้นคือความสะดวกในการซื้อหรือขายในตลาดโดยไม่ทำให้เกิดความผันผวนของราคาอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อพูดถึง Scalping การเลือกคู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูงนั้นมีข้อดีที่น่าสนใจดังนี้
Spread แคบ
สภาพคล่องเชื่อมโยงโดยตรงกับ Spread ราคา Bid-Ask ที่แคบลง ถึงตรงนี้ถ้าอยากรู้พื้นฐานของ Bid, Ask และ Spread คืออะไร? ก็สามารเข้าไปอ่านได้ในบทความ Bid,Ask และ Spread คืออะไร? ของเราได้เลย และในคู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูง ส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขายมักจะน้อยกว่า ซึ่งหมายความว่าเทรดเดอร์สามารถเข้าและออกจากการเทรดด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า เนื่องจากต้องเผชิญกับการคลาดเคลื่อนของราคาและต้นทุนการทำธุรกรรมที่ลดลง Spread ที่แคบเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย
การดำเนินการอย่างรวดเร็ว
Scalping อาศัยการดำเนินการที่รวดเร็วเพื่อคว้าเม็ดเงินที่ลอยอยู่ในอากาศ คู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูงช่วยให้ดำเนินการคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มั่นใจได้ว่าเทรดเดอร์สามารถเข้าและออกจากตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว ความพร้อมของผู้ซื้อและผู้ขายในตลาดที่มีสภาพคล่องช่วยให้ดำเนินการเทรดได้อย่างราบรื่น ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพของการเทรดแบบ Scalping
ความแม่นยำที่เพิ่มขึ้น
Scalpers พึ่งพา Indicator, การวิเคราะห์ทางเทคนิคและรูปแบบกราฟเพื่อระบุจุดเข้าและออก ในคู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูง สัญญาณทางเทคนิคเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเชื่อถือได้มากกว่า เนื่องจากปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้นและการมีส่วนร่วมในตลาดที่กว้างขึ้น ความแม่นยำที่เพิ่มขึ้นในการเคลื่อนไหวของราคาช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจในการเทรดได้แม่นยำยิ่งขึ้นและยังสามารถทำตามกลยุทธ์ได้อย่างมั่นใจ
ความพร้อมใช้งานของข้อมูลตลาด
คู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องมักจะดึงดูดเทรดเดอร์เข้ามาร่วมในตลาดจำนวนมาก รวมถึงเทรดเดอร์สถาบันและผู้ดูแลสภาพคล่อง เพราะเหตุนี้โดยทั่วไปจึงมีข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงข่าวสาร บทวิเคราะห์ และการวิจัย Scalpers สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีอยู่มากมายนี้เพื่อทำการตัดสินใจในการเทรดได้มีประสิทธืภาพยิ่งขึ้น
กรอบเวลาคือหนึ่งในเทคนิคเทรด Forex แบบ Scalping
การเทรดแบบ Scalping เทรดเดอร์ต้องมีทักษะในการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ เทรดเดอร์สไตล์นี้มักจะชอบกรอบเวลาที่สั้นสำหรับการวิเคราะห์และดำเนินการ กรอบเวลาต่อไปนี้ ได้แก่ กราฟ 1 นาที 5 นาที และ 15 นาที เป็นที่นิยมมากในวงการ Scalpers
กราฟ 1 นาที
กรอบเวลาที่สั้นที่สุดที่ใช้ในการเทรดแบบ Scalping ให้มุมมองที่ละเอียดของการเคลื่อนไหวของราคา ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถจับความผันผวนของราคาเล็กน้อยและดำเนินการเทรดได้อย่างรวดเร็ว กราฟแบบนี้แท่งเทียนแต่ละแท่งแสดงถึงกิจกรรมการซื้อขายในเวลา 1 นาที เทรดเดอร์มักจะเฝ้าติดตามกรอบเวลานี้สำหรับการเปลี่ยนแปลงในทันทีของอุปสงค์และอุปทาน โดยหาโอกาสในการใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาที่น้อยมาก
กราฟ 5 นาที
ให้มุมมองที่กว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับกราฟ 1 นาที ในขณะที่ยังคงให้รายละเอียดในระดับที่จำเป็นสำหรับการเทรดแบบ Scalping แท่งเทียนแต่ละแท่งในแผนภูมิ 5 นาทีแสดงถึงกิจกรรมการซื้อขายในเวลา 5 นาที กรอบเวลานี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถสังเกตแนวโน้มระยะสั้นและระบุจุดเข้าและออกที่เป็นไปได้ด้วยความชัดเจนที่เพิ่มขึ้น สร้างความสมดุลระหว่างการจับความเคลื่อนไหวของราคาที่น้อยลงและให้มุมมองที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด
กราฟ 15 นาที
ให้มุมมองที่กว้างขึ้นในขณะที่ยังคงตอบสนองความต้องการของทรดเดอร์ ด้วยแท่งเทียนแต่ละแท่งที่แสดงถึงกิจกรรมการซื้อขายในเวลา 15 นาที กรอบเวลานี้นำเสนอมุมมองที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคาและแนวโน้มของตลาด Scalper ที่ใช้กราฟ 15 นาทีสามารถจับภาพการเคลื่อนไหวของราคาที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ยังคงได้รับประโยชน์จากความคล่องตัวและลักษณะการตัดสินใจที่รวดเร็วของกลยุทธ์การเทรดแบบ Scalping
กรอบเวลาเหล่านี้ช่วยให้เทรดเดอร์ติดตามการเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างแม่นยำ ระบุแนวโน้มระยะสั้น และดำเนินการเทรดอย่างรวดเร็ว โดยมักจะมีเป้าหมายเพื่อปิดสถานะภายในไม่กี่นาทีหรือแม้แต่วินาทีด้วยก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าการเลือกกรอบเวลานั้นขึ้นอยู่กับความชอบ สไตล์ในการเทรด และสถานการณ์ตลาดของเทรดเดอร์แต่ละคน
เทคนิคเทรด Forex แบบ Scalping มีสิ่งที่ใช้เป็นองค์ประกอบในการเทรดหลัก ๆ คือ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ Oscillator และระดับแนวรับ/แนวต้าน มาดูกันว่าตัวบ่งชี้เหล่านี้สามารถช่วยระบุจุดเข้าและออกสำหรับการเทรดแบบ Scalping ได้อย่างไร
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
สามารถเป็นเครื่องมือที่มีค่าสำหรับเทรดเดอร์ในการระบุจุดเข้าและออกในกลยุทธ์การเทรด ต่อไปนี้คือวิธีที่ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สามารถช่วยในการเทรดแบบ Scalping ได้
ระบุทิศทางของเทรนด์
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ช่วยเก็งกำไรในการกำหนดทิศทางของเทรนด์ที่เกิดขึ้น ด้วยการคำนวณราคาเฉลี่ยในช่วงเวลาที่กำหนด ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะทำให้ความผันผวนของราคาในระยะสั้นราบรื่นขึ้นและเผยให้เห็นเทรนด์พื้นฐาน ตัวอย่างเช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ๆ เพิ่มขึ้นบ่งบอกถึงเทรนด์ขาขึ้น ในขณะที่ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ๆ ลดลงบอกถึงเทรนด์ขาลง Scalpers สามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อจัดตำแหน่งการเทรดให้สอดคล้องกับทิศทางตลาดโดยรวม
ทำหน้าที่เป็นระดับแนวรับและแนวต้าน
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่มักจะทำหน้าที่เป็นแนวรับหรือแนวต้านแบบไดนามิก เมื่อราคาเข้าใกล้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จากด้านล่างและเด้งออกจากราคา ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะทำหน้าที่เป็นแนวรับ ในทางกลับกัน เมื่อราคาเข้าใกล้จากด้านบนและเด้งกลับ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะทำหน้าที่เป็นแนวต้าน Scalpers สามารถใช้ระดับเหล่านี้เพื่อระบุจุดเข้าและออกที่เป็นไปได้ ตัวอย่างเช่น การเข้าสู่การเทรดในขณะที่ราคาดีดตัวออกจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หรือปิดสถานะเมื่อราคาพบกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเทรดแบบ Scalping ได้
การยืนยันการกลับตัวของราคา
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สามารถช่วยเก็งกำไรยืนยันการกลับตัวของราคาที่อาจเกิดขึ้นได้ เมื่อราคาข้ามเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ อาจบ่งบอกถึงการกลับตัวที่เป็นขาขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงโอกาสสำหรับสถานะการซื้อ ในทางกลับกัน เมื่อราคาข้ามต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ อาจส่งสัญญาณการกลับตัวเป็นขาลง ซึ่งบ่งชี้ถึงโอกาสสำหรับสถานะการขาย Scalpers สามารถรวมการ Crossovers ของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เหล่านี้เข้ากับ Indicator ทางเทคนิคหรือรูปแบบกราฟอื่น ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับสัญญาณการเทรด
ให้ Crossovers ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
Scalpers มักใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หลายค่าเพื่อสร้างสัญญาณการซื้อขาย เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สองเส้นในช่วงเวลาต่าง ๆ ตัดกัน จะทำให้เกิดจุดตัดกัน ตัวอย่างเช่น Crossovers เกิดขึ้นเมื่อค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นเพิ่มขึ้นเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว ซึ่งบอกถึงโอกาสในการซื้อที่อาจเกิดขึ้น ในทางกลับกัน การตัดกันแบบ Bearish เกิดขึ้นเมื่อค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงโอกาสในการขาย เทรดเดอร์สามารถใช้จุดตัดเหล่านี้เป็น Triggers ในการเข้าหรือออกจากการเทรดได้
การประมาณโมเมนตัมราคา
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของโมเมนตัมราคา ความชันและการแยกระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สามารถบ่งบอกถึงจังหวะที่ราคากำลังเคลื่อนที่ ความชันที่ชันขึ้นและช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทำให้โมเมนตัมแข็งแกร่งขึ้น เทรดเดอร์สามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อประเมินศักยภาพของการเคลื่อนไหวของราคาที่ใหญ่ขึ้นและปรับวิธีการเทรดตามนั้น
Scalpers สามารถทดลองโดยใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ผสมกัน เช่น การใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น (เช่น 5 ช่วงเวลา) ร่วมกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว (เช่น 20 ช่วงเวลา) นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งช่วงเวลาของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ตามคู่สกุลเงินเฉพาะและกรอบเวลาการเทรดที่กำลังโฟกัสอยู่
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เช่นเดียวกับ Indicator ทางเทคนิคอื่น ๆ และควรใช้ร่วมกับเครื่องมือและเทคนิคการวิเคราะห์อื่น ๆ เทรดเดอร์ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความผันผวนของตลาด ระดับแนวรับและแนวต้าน เพื่อเพิ่มโอกาสในการเทรดที่ประสบความสำเร็จ งั้นเราไปดูอีกปัจจัยที่ใช้สำหรับเทคนิคเทรด Forex แบบ Scalping กันต่อเลย
Oscillators
ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในกลยุทธ์การเทรดแบบ Scalping เพื่อช่วยระบุจุดเข้าและออก ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเหล่านี้แกว่งไปมาระหว่างระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า รวมถึงให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโมเมนตัมและเงื่อนไขการซื้อมากเกินไป/การขายมากเกินไปของคู่สกุลเงิน ต่อไปนี้คือวิธีที่ Oscillators สามารถช่วยเก็งกำไรในการเทรดได้
เงื่อนไข Overbought / Oversold
Oscillators เช่น Relative Strength Index (RSI) และ Stochastic Oscillator ช่วยเก็งกำไรในการระบุสภาวะการซื้อมากเกินไปและการขายมากเกินไปในตลาด เมื่อ Oscillators ถึงหรือเกินเกณฑ์ที่กำหนด (เช่น สูงกว่า 70 สำหรับการซื้อมากเกินไป หรือต่ำกว่า 30 สำหรับการขายมากเกินไป) แสดงว่าราคาอาจถึงกำหนดสำหรับการกลับตัวหรือการปรับฐาน Scalpers สามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อกำหนดเวลาเข้าหรือออก ตัวอย่างเช่น เมื่อ Oscillators บ่งชี้สภาวะ overbought เทรดเดอร์อาจพิจารณาขาย และเมื่อมันบ่งชี้สภาวะ oversold ก็อาจพิจารณาซื้อนั่นเอง
ความแตกต่าง
Oscillators ยังสามารถช่วยระบุความแตกต่างระหว่างราคาและ Oscillators ได้ด้วย ความแตกต่างเกิดขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวในขณะที่ Oscillators เคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม Scalpers สามารถตีความ “ความแตกต่าง” เป็นสัญญาณการกลับตัวที่เป็นไปได้ ซึ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมและโอกาสในการเข้าหรือออกจากการเทรด
การยืนยันเทรนด์
Oscillators สามารถยืนยันทิศทางของเทรนด์ที่เกิดขึ้นซึ่งระบุโดย Indicator ทางเทคนิคหรือรูปแบบกราฟอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น หาก Scalper ระบุเทรนด์ขาขึ้นโดยใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หรือเส้นแนวโน้ม พวกเขาสามารถใช้ Oscillators เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของโมเมนตัมขาขึ้นได้ Oscillators ที่ยังคงอยู่ในฝั่งซื้อมากเกินไปหรือแสดงความแตกต่างที่เป็นขาขึ้นสามารถให้การยืนยันเพิ่มเติมสำหรับการเข้าหรือถือตำแหน่งของการซื้อ ในทำนองเดียวกัน ในแนวโน้มขาลง Oscillators ที่อยู่ในโซนขายมากเกินไปหรือแสดงความแตกต่างของตลาดหมีสามารถสนับสนุนการตัดสินใจเข้าหรือถือตำแหน่งของการขายนั่นเอง
การวัดความผันผวน
Oscillators บางตัว เช่น Average True Range (ATR) ช่วยเก็งกำไรวัดความผันผวนของคู่สกุลเงิน ความผันผวนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ เนื่องจากมีเป้าหมายที่จะจับความเคลื่อนไหวของราคาอย่างรวดเร็ว โดยการตรวจสอบ ATR เทรดเดอร์สามารถระบุช่วงเวลาที่มีความผันผวนสูงหรือต่ำได้ ในช่วงที่มีความผันผวนสูง ก็อาจขยายเป้าหมายการทำกำไรและระดับการหยุดการขาดทุน ขณะที่ในช่วงที่มีความผันผวนต่ำ ก็อาจปรับเป้าหมายให้สอดคล้องกัน
ต่อไปเรามาดูอีกปัจจัยนึงที่ควรใช้ร่วมกันกับ “ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่” และ “Oscillators” นั่นคือ “ระดับแนวรับ/แนวต้าน” นั่นเอง
แนวรับ/แนวต้าน สำคัญอย่างไรในเทคนิคเทรด Forex แบบ Scalping
แนวรับและแนวต้านมีบทบาทสำคัญในการระบุจุดเข้าและออกสำหรับกลยุทธ์การเทรดแบบ Scalping ระดับเหล่านี้เป็นพื้นที่ราคาสำคัญ ซึ่งนำไปสู่การพลิกกลับหรือความต่อเนื่องในการเคลื่อนไหวของราคา นี่คือสิ่งที่ระดับแนวรับและแนวต้านสามารถช่วยเทรดเดอร์ในการตัดสินใจเทรดได้
จุดเริ่มต้น
แนวรับและแนวต้านทำหน้าที่เป็นจุดตัดสินใจที่สำคัญสำหรับนักเก็งกำไรเมื่อพิจารณาว่าจะเข้าเทรดที่ใด เมื่อราคาเข้าใกล้ระดับแนวรับแสดงว่ามีแรงซื้อที่ระดับราคานั้น ซึ่งอาจนำไปสู่การตีกลับหรือการกลับตัว Scalpers อาจพิจารณาเข้าสู่สถานะการซื้อเมื่อราคาแสดงสัญญาณการถือและกลับตัวสูงขึ้นจากระดับแนวรับ ในทางกลับกัน เมื่อราคาเข้าใกล้ระดับแนวต้าน มันบ่งบอกถึงแรงขาย ซึ่งเทรดเดอร์ก็อาจพิจารณาเข้าสู่สถานะการขาย หากราคาแสดงสัญญาณการกลับตัวที่ต่ำกว่าระดับแนวต้านนั่นเอง
จุดออก
แนวรับและแนวต้านยังช่วยเทรดเดอร์ในการระบุจุดออกที่เป็นไปได้สำหรับการเทรด เมื่อราคาถึงระดับแนวต้าน อาจพบกับแรงขาย ทำให้เป็นพื้นที่ ๆ เหมาะสมสำหรับการทำกำไรหรือปิดสถานะซื้อ ในทำนองเดียวกัน เมื่อราคาถึงระดับแนวรับ อาจเผชิญแรงกดดันในการซื้อ ทำให้เทรดเดอร์พิจารณาออกจากสถานะขาย การจัดจุดออกให้สอดคล้องกับระดับราคาหลักเหล่านี้ เทรดเดอร์สามารถรักษาผลกำไรและลดความเสี่ยงในการถือครองสถานะผ่านการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นได้
การฝ่าวงล้อม
แนวรับและแนวต้านยังสามารถช่วยเก็งกำไรระบุโอกาสในการฝ่าวงล้อม เทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์จากการฝ่าวงล้อมได้โดยการเข้าสู่การเทรดในทิศทางของการฝ่าวงล้อม ซึ่งอาจจับภาพการเคลื่อนไหวของราคาที่สำคัญได้ การฝ่าวงล้อมจากแนวรับและแนวต้านที่สร้างมาอย่างดีบอกถึงโมเมนตัมที่เพิ่มขึ้นและสามารถเสนออัตราส่วนความเสี่ยงต่อรางวัลที่ดีสำหรับกลยุทธ์การเทรดแบบ Scalping
ตำแหน่งหยุดการขาดทุน
ระดับแนวรับและแนวต้านมีความสำคัญในการกำหนดตำแหน่งหยุดการขาดทุนสำหรับเทรดเดอร์ โดยการตั้งค่าคำสั่งหยุดการขาดทุนที่ต่ำกว่าระดับแนวรับในตำแหน่งซื้อหรือเหนือระดับแนวต้านในตำแหน่งขายเทรดเดอร์สามารถป้องกันตัวเองจากการขาดทุนที่สำคัญหากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับการเทรด การวางคำสั่งหยุดการขาดทุนใกล้กับระดับสำคัญเหล่านี้ช่วยในการจัดการความเสี่ยงและรักษาระเบียบวินัยภายในกลยุทธ์การเทรดแบบ Scalping
การยืนยันการเคลื่อนไหวของราคา
แนวรับและแนวต้านทำหน้าที่เป็นจุดอ้างอิงเพื่อยืนยันการเคลื่อนไหวของราคา เมื่อราคาเข้าใกล้ระดับแนวรับและตอบสนองตามที่คาดไว้ เช่น การดีดกลับเป็นการยืนยันว่าระดับแนวรับนั้นดีอยู่ ในทำนองเดียวกัน เมื่อราคาเข้าใกล้ระดับแนวต้านและแสดงปฏิกิริยาเช่นการเด้งกลับจะช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของแนวต้าน เทรดเดอร์สามารถใช้การยืนยันเหล่านี้เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจเทรดและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมได้อีกด้วย
บทสรุป
เทคนิคเทรด Forex ระยะสั้น โดยกลยุทธ Scalping นี้ ยังมีสิ่งที่เทรดเดอร์ต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ รวมถึงสั่งสมประสบการณ์อีก ไม่ว่าจะเป็นการเข้าและออกจากการเทรด การบริหารความเสี่ยงแบบ Scalping การพัฒนาจิตวิทยา แต่สิ่งเหล่านี้หากต้องการย่นระยะเวลาในการเรียนรู้ ก็สามารถเข้ามาศึกษาได้ในคอร์สสูตรลับจับทุกสวิง สาย Scalping เพราะประสบการณ์ตรงจากเทรดเดอร์มืออาชีพเท่านั้นที่จะช่วยปูทางให้คุณอยู่ในเส้นทางสายนี้ได้อย่างยั่งยืน
Sources: IG International, FBS, admirals
สนใจคอร์สเรียน สัมมนาฟรี และข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ที่
Facebook: Bravo Trade Academy Global
YouTube: Bravo Trade Academy
Line@: BravoTradeAcademy
Instagram: Bravotradeacademy
TikTok: @bravo_tradeacademy
Twitter: Toeybravo
Website: www.bravotradeacademy.com