5 เรื่องที่ต้องเข้าใจ ก่อนทำกำไรด้วยการเทรดสั้น !!

5 เรื่องที่ต้องเข้าใจก่อนจะไปทำกำไรด้วยกันกับผมโค้ชกอล์ฟ No.1 เทพเทรดสั้น

จากหลายคำถามที่ทุกคนถามกันเข้ามาว่าผมใช้ระบบอะไรในการเทรด? เทรดสั้นที่ดีต้องเป็นอย่างไร?เทรดตามเทรนด์ได้ไหมหรือต้องสวนเทรนด์หรือได้ทั้ง 2 รูปแบบ แล้วระยะการทำกำไรควรจะกี่จุดดีเก็บกำไรตอนไหนแล้วที่ว่าต้องสั้นขนาดไหนเดี๋ยววันนี้ผมจะมาตอบคำถามให้กับทุกคนว่าระบบในการเทรดสั้นที่ผมใช้เป็นอย่างไร 

ก่อนที่จะเริ่มเทรดสั้นกันเรามาดูสิ่งที่ควรจะต้องรู้ก่อนเลยมีทั้งหมด 5 ข้อ

1. ตลาดขับเคลื่อนโดยรายใหญ่

ต้องรู้ก่อนว่าตลาดนี้ขับเคลื่อนโดยใครซึ่งคนที่ขับเคลื่อนตลาดนี้เป็นหลักนั่นก็คือรายใหญ่นั่นเอง รายใหญ่ที่ว่าไม่ใช่รายใหญ่รายบุคคลแต่เป็นสถาบันการเงินของประเทศนั้นๆหรือว่าเป็นสถาบันการเงินใหญ่ๆหรือเป็นกองทุนอย่างเช่น Fed , ธนาคารกลางของอเมริกาหรือว่าธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ไม่มีใครที่จะสามารถที่จะขับเคลื่อนราคาด้วยตัวคนเดียวได้ จำเป็นจะต้องมีรายใหญ่อย่างน้อย 2-3 รายที่มองเห็นในจุดเดียวกันเข้าซื้อเข้าขายในจุดเดียวกันฉะนั้นถึงจะมีโอกาสในการขับเคลื่อนแท่งเทียนขับเคลื่อนราคาให้มีทิศทางไปในทางเดียวกัน

2. เทคนิคที่รายใหญ่ใช้

ซึ่งมีอยู่เทคนิคนึงที่เรา Bravo Trade Academy เอามาเผยแพร่กันหลายปีมากๆแล้วสักพักใหญ่ๆแล้วเทคนิคที่ว่าชื่อว่า Demand Supply นั่นเองซึ่งดีมานซัพพลายเป็นจุดรอเข้าซื้อขายของรายใหญ่ที่จะเอาไว้ใช้เป็นราคาที่สมมุติว่าถ้ามาอยู่ในจุดกรอบโซนของ demand นั่นแหละคือราคาที่จะมีออเดอร์วางเอาไว้อยู่ซึ่งถ้าหากเราเข้าใจเรื่องนี้เรารู้เรื่องเราจะสามารถเทรดได้ที่เดียวกันกับรายใหญ่นั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้สอนอย่างละเอียดมากๆเลยอยู่ในคอร์ส BTS หรือว่าคอร์ส Bravo Trading System นั่นเองหรือถ้าใครที่สนใจอยากเรียนรู้และศึกษาเรื่องนี้เป็นพิเศษแบบฟรีๆเราก็มีสัมมนาที่ชื่อว่า Demand Supply ท่าไม้ตายพันล้าน อันนี้สามารถเข้าเรียนฟรีได้เลย บอกเลยว่าอัดแน่นมากๆแล้วบอกเลยว่าเทคนิคนี้เป็นเทคนิคหลักเลยที่พวกเราทุกคนใช้ในการเทรดกันไม่ว่าจะเป็นเทรดสั้นเทรดยาวเทรดระยะกลางก็แล้วแต่ขึ้นอยู่กับ timeframe ที่เราเลือกใช้

3. ช่วงเวลาในการเทรดของรายใหญ่

เจาะลึกไปถึงเรื่องของระยะเวลาที่รายใหญ่เล่นกัน ตลาดนี้แม้ว่าจะเปิด 24 ชั่วโมงก็จริงแต่มีช่วงจังหวะเวลาเปิดปิดของแต่ละประเทศ ซึ่งในฝั่งโซนเอเชียจะเปิดเช้าหน่อยและปิดช่วงเย็นๆของบ้านเราเหมือนกับเราไปทำงาน 8:00 เลิกงาน 17:00 น ส่วนฝั่งยุโรปก็จะเปิดช้ากว่าเราประมาณ 5 ชั่วโมง ฉะนั้นเวลาตลาดเปิดแบงค์ที่เป็นเซ็นทรัลแบงค์ของที่นู่นก็จะเปิดกันประมาณบ่าย 2 ถึงบ่าย 3 ของบ้านเรานั่นเอง ส่วนอเมริกาจะห่างกับเราประมาณ 12 ชั่วโมงเวลาตลาดเปิดอยู่ประมาณช่วง 20:00 น ถึง 21:00 ของเวลาบ้านเรา

หากเราเทรดอยู่ในช่วงเวลาที่รายใหญ่ไม่เทรดกันก็จะมีแต่รายย่อยที่เทรดกันซึ่งแรงในการขับเคลื่อนของกราฟก็จะไม่ได้มากเท่าไหร่ ทำให้ราคาวิ่งไปมาอยู่ที่เดิมๆ ฉะนั้นเมื่อเรารู้แล้วว่าตลาดของแต่ละภูมิภาคเปิดเมื่อไหร่นั่นแปลว่าเมื่อนั้นรายใหญ่เริ่มทำงานแล้ว จะเริ่มมีวอลลุ่มที่ผลักดันเข้ามาในตลาดนั่นเอง เมื่อมีวอลลุ่มมากราฟก็จะวิ่งแรงเมื่อกราฟวิ่งแรงแล้วก็ทำกำไรได้อย่างรวดเร็วสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญมากที่นักเทรดทุกคนต้องรู้

4. ระยะการทำกำไรขึ้นอยู่กับสินค้าที่เราเทรด

สิ่งนี้สำคัญมากๆตรงที่เราจะต้องรู้เรื่องของระยะการวิ่งโดยเฉลี่ยแต่ละวันของสินค้านั้นๆหรือระยะการวิ่งโดยเฉลี่ยของแต่ละไทม์เฟรมอย่างเช่นใน 1 ชั่วโมงวิ่งกันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 300-500 จุดในทองคำหรือในพวกดัชนีอาจจะวิ่งกันเป็นชั่วโมงละ 1,000 จุด 2,000 จุด

เมื่อเราเข้าใจเรื่องนี้แล้วเราจะรู้ว่าในการเทรดเราควรจะเผื่อระยะเท่าไหร่แล้วก็เรามีระยะเวลาในการเล่นประมาณเท่าไหร่ แต่ส่วนใหญ่แล้วระยะที่เราจะใช้ในการเก็บกำไรกันจะอยู่ที่ประมาณ 1 ต่อ 1 นั่นหมายความว่าค่า Reward to Risk หรือว่า RR ที่เราเรียกกันจะขึ้นอยู่กับระยะของกรอบดีมานซัพพลายเลยถ้าหากว่ากรอบ Demand ที่เรารอซื้อขายกันอยู่มีระยะกรอบอยู่ที่ 500 จุด ระยะที่เราจะขาดทุนอยู่ที่ประมาณสัก 500 จุด ระยะ TP ก็จะ 1 ต่อ 1 ก็คืออยู่ที่ 500 จุดเช่นเดียวกันอันนี้ถือว่าเบสิคแล้วก็ทำกำไรได้ดีมี Win Rate ที่ดี

5. Risk of Ruin

อีกเรื่องที่ทุกคนจะต้องรู้ในข้อนี้ก็คือเรื่องของ Risk of Ruin (ROR) เป็นตารางในการคำนวณเรื่องของความเสี่ยงที่จะทำให้พอร์ตเราเสียหายหรือว่าพอร์ตแตกได้มีประมาณเท่าไหร่ ซึ่งการคำนวณค่านี้จะขึ้นอยู่กับ Win rate และ R:R ของเราแล้วก็จำนวนความเสี่ยงที่เราใช้ บางคนอาจจะรับความเสี่ยงได้ที่ 1% บางคนได้ที่ 5% ซึ่งทั้ง 3 ตัวนี้ก็จะมีผลต่อเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงทั้งหมดโดยรวมที่มีโอกาสที่จะทำให้เราพอร์ตแตกหรือว่าพอร์ตโตกันแน่

ถ้าหากว่าใครอยากเจาะลึกเรื่องนี้ลองอ่านเรื่องการควบคุมความเสี่ยงจะเข้าใจว่าเราจะต้องมีเปอร์เซ็นต์ Win Rate ประมาณสักเท่าไหร่เก็บระยะสักเท่าไหร่ดีและใช้ความเสี่ยงต่อออเดอร์ที่เท่าไหร่พอเราถึงจะสามารถโตได้และไม่มีความเสี่ยงในการที่พอร์ตเราจะแตก

เทคนิคที่เหมาะสำหรับการเทรดสั้น

ทีนี้มาถึงเรื่องของผมและว่าตัวผมเองใช้เทคนิคอะไรแน่นอนว่าเทคนิคหลักที่ใช้เลยก็คือ Demand Supply นั่นเองอย่างที่บอกไปข้างต้นอย่างที่บอกว่าเป็นเทคนิคที่รายใหญ่ใช้แล้วก็มีการเด้งยอดแทบทุกจุดเลยซึ่ง Win Rate จะค่อนข้างดีมากๆซึ่งเทคนิคที่ผมใช้เทรดสั้นมีทั้งหมดประมาณ 5 เทคนิคด้วยกันดังนี้

1. Super Hidden Divergence

ซึ่งซุปเปอร์ฮิดเดนถูกออกแบบมาให้ใช้เทรดในช่วงที่ตลาดมีการ FOMO หรือว่าเกิดการ Fear of Missing Out นั่นก็คือว่าตลาดมีความเป็น Strong Trend มีแรงซื้อหรือแรงขายที่เยอะมากๆและตัวนี้จำเป็นมากๆว่าจะต้องเทรดตามเทรนนั่นเองซึ่งความสามารถของเทคนิคนี้ก็คือในขณะที่หลายๆคนรอให้ราคาสร้างแพทเทิร์นในทางเฟรมใหญ่เพื่อที่จะเทรดได้สักไม้หรือ 2 ไม้ แต่สิ่งที่เราจะเห็นก็คือแท่งเทียนอาจจะเป็นแท่งๆเดียวเลยหรือว่าเป็นแท่งวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆแบบไม่ย่อไม่พักไม่มีการสร้างแพทเทิร์นอะไรเลยในจังหวะนี้แหละที่นักเรียน Super Hidden ของเราทำกำไรกันได้ระหว่างทาง สามารถซอยไม้กำไรเข้าระหว่างทางกันไปเรื่อยๆ ซึ่งตรงนี้ Win Rate ของตัว Super Hidden จะอยู่ที่ประมาณ 85% ค่อนข้างดีมากๆ 

ต่อไปอีก 4 เทคนิคจะอยู่ในซีรีย์ของซีรีส์ 4 สูตรลับ 4 จตุรเทพนั่นเอง

2. สูตรลับสับปลายไส้ Price Momentum

ตัวนี้จะเป็นตัวที่เราจะเจาะลึกเข้าไปดูเรื่องของตัว Price momentum หรือว่าแรงเหวี่ยงตัวโมเมนตัมของแรงซื้อแรงขายว่าในตลาดตอนนี้แรงซื้อเยอะหรือเปล่าหรือว่าแรงขายเยอะหรือเปล่า แล้วจุดตัดที่จะเป็นจุดกลับตัวคืออย่างไรซึ่งตัวนี้จะเป็นตัวที่จะทำให้เราได้ออเดอร์ที่บริเวณปลายไส้ได้ดีมากๆ

ถ้าใครที่เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดีจะเห็นว่าในทุกๆออเดอร์ของผมของทีมโค้ชหรือของนักเรียนที่เข้าใจเรื่องนี้จะอยู่ที่บริเวณปลายไส้มากๆนั่นแปลว่าถ้าหากว่าคุณเองเป็นคนที่อยากที่จะมีระยะการทำกำไรที่มากแต่ว่ามีระยะการขาดทุนที่น้อยต้องเข้าใจเรื่องนี้เลย

3. สูตรลับสับดัชนี

เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่ผม,โค้ชธร แล้วก็โค้ชโอ๊ต เข้าไปเจาะลึกโดยการปรับใช้หลายๆเทคนิคเข้ามาไว้ในที่เดียวแล้วก็ทำให้เข้าใจง่ายที่สุด ซึ่งในสูตรลับสับดัชนีก็จะมีท่าในการเทรดสั้นที่บอกเลยว่าเป็นท่าที่เก็บกำไรได้ไวมากๆซึ่งในบางครั้งทำกำไรกันภายในไม่ถึง 1 นาทีเลยด้วยซ้ำก็จบงานเป็นที่เรียบร้อย

ในคอร์สนี้เรานำเรื่องของ Elloitt Wave แล้วก็ Demand Supply มาปรับให้สามารถที่จะใช้ในการเทรดสั้นได้ แล้วก็ Elloitt Wave เป็นเทคนิคเป็นหลายๆคนจะทำความเข้าใจกันได้ยากเพราะว่ามีรายละเอียดเยอะแต่ว่าเราได้ปรับออกมาบางส่วนที่ใช้ทำกำไรได้เลยแล้วก็ใช้ทำได้บ่อยๆบวกกับตัว demand supply ที่เป็นสิ่งที่รายใหญ่ใช้กันอยู่แล้วบอกเลยว่าตัวนี้เป็นตัวที่ค่อนข้างที่จะมันมากๆแล้วก็เก็บ RR ได้ค่อนข้างไกลเหมือนกันมากกว่า 1 ต่อ 1 ในบางครั้ง

4. สูตรลับจับทุกสวิง

เป็นการเทรดสั้นแบบ Scalping นั่นเองซึ่งหลังๆมาในห้อง Telegram หรือว่าในห้องที่เราคอยส่งสัญญาณการเทรดให้กับทุกๆคนอยู่จะเห็นว่าอาจารย์เต้ยแล้วก็ทีมโค้ชหลายๆคนทำการส่งแบบเทรดสั้นแบบ 10 pips, 15 pips แล้วทำกำไรกันภายในแบบ 5 นาที 3 นาทีอย่างนี้ไวมากๆ บางคนเห็นสัญญาณและเข้าไม่ทันเลยด้วยซ้ำ

คอร์สนี้เป็นอีกคอร์สนึงที่บอกเลยว่าเป็นการเข้าทุกสวิงแบบรายนาทีเลย เวลากราฟวิ่งทุกคนจะเข้าใจเวลาวิ่งขึ้นก็จะมีสวิง High วิ่งลงก็จะมีสวิง Low แล้วทุกสวิงที่ขยับมีออเดอร์ของเรา

5. How to Grow Your Portfolio by 1,000

ซึ่งตัวนี้จะไม่ใช่เทคนิคในการเข้าเทรดแล้วแต่จะเป็นเทคนิคในการบริหารนั่นเองหรือ Money management ในการที่เราจะออก Lot เท่าไหร่จะขยายพอร์ตอย่างไรในการเทรดในแต่ละวันซึ่งเหมาะมากกับคนที่ชอบเทรดสั้นตรงที่เวลาเราเทรดสั้นใน 1 วันเราเทรดมากกว่า 5 ไม้มากกว่า 10 ไม้อยู่แล้วถูกไหมในแต่ละไม้ที่เราสามารถทำกำไรได้ถ้าหากว่าเราเข้าใจเรื่องการบริหารความเสี่ยงหรือว่าการ Money management แบบทวีคูณแบบนี้ ผมบอกเลยว่าใน 1 วันพอร์ตคุณสามารถโตได้มากกว่า 20% เลยทีเดียวแต่อันนี้ก็ต้องไปฝึกฝน ซึ่งตรงนี้ผมผ่านการฝึกตรงนี้มาแล้วแล้วก็บอกเลยว่าวันละ 5% ชิวๆเป็นเบสิคเป็นพื้นฐานแต่วันละ 20% เป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่งที่ตอนนี้กำลังทำอยู่แล้วบอกเลยว่าๆมากๆเหมาะมากกับคนที่ชอบเทรดสั้นแล้วก็มีเป้าหมายในการปั้นพอร์ตจากพอร์ตหลักร้อยไปเป็นพอร์ตหลักพันจากพอร์ตหลักพันไปเป็นพอร์ตหลักหมื่น อันนี้แหละถ้าได้วิชานี้ไปไหนบอกเลยว่าทำได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือนแน่นอน

ทั้งหมดนี้ก็เป็น 5 เทคนิคที่ผมใช้ในการเทรดแล้วก็ 5 เรื่องใหญ่ๆที่ทุกคนจะต้องรู้ก่อนที่จะเข้าไปเทรดสั้นนั่นก็คือที่ผมได้เอ่ยไปข้างต้นนี้แล้วทีนี้

ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ออกแบบไลฟ์สไตล์ในการเทรดออกมาว่าคุณเป็นคนที่สามารถนั่งเฝ้ากราฟได้ชอบในการเทรดก็สามารถเป็นเทรดเดอร์สายเทรดสั้นได้ แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่อยากมีไลฟ์สไตล์แบบใน 1 วันมาดูกราฟแค่ 10 นาทีก็พอแล้วก็ไปใช้ชีวิตไปทำอย่างอื่นไปเที่ยวไปอ่านหนังสือไปเรียนพัฒนาตัวเองต่อไปอาจจะเหมาะกับการเทรดยาวมากกว่า ฉะนั้นก่อนที่จะเลือกเทคนิคในการเทรดผมอยากให้ทุกคนลองออกแบบไลฟ์สไตล์ของตัวเองดูก่อนว่าตัวเราชอบที่จะเทรดหรือว่าทำงานลักษณะประมาณไหน

สนใจคอร์สเรียน สัมมนาฟรี และข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ที่
Facebook: Bravo Trade Academy Global
YouTube: Bravo Trade Academy
Line@: BravoTradeAcademy
Instagram: Bravotradeacademy
TikTok: @bravo_tradeacademy
Twitter: Toeybravo
Website: www.bravotradeacademy.com